สองข้างทางเดินมีมวลหมู่พฤกษาทะยานชูช่อออกดอกอวดสีสดใส
ดุจกำลังรอคอยต้อนรับนักเดินทางต่างถิ่นชื่อเสียงของอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวงที่ตั้งอยู่ในเขตรอยต่อ
2 จังหวัด คือ จ.พิษณุโลก และ จ.เพชรบูรณ์
เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่นักท่องเที่ยวผู้ชื่นชอบบรรยากาศแบบธรรมชาติป่าเขาลำเนาไพร
เนื่องจากภายในอุทยานฯ มีสภาพภูมิประเทศเป็นภูเขาสลับซับซ้อนสวยงามก่อเกิดเป็นจุดท่องเที่ยวหลายแห่ง
รวมทั้งเป็นแหล่งต้นน้ำลำธารหลายสายก่อนที่จะไหลรินลงสู่แม่น้ำน่านต่อไปทุ่งโนนสน
เป็นจุดท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ใจกลางอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง
ซึ่งมีความน่าสนใจแต่ทว่าน้อยคนนักจะได้มีโอกาสเดินทางไปสัมผัส เพราะว่าสถานที่แห่งนี้ยากต่อการเดินทางเข้าไปถึง ปัจจุบันยังคงต้องใช้วิธีเดินเท้าเข้าไปเพียงวิธีเดียวจึงจะได้พบกับดินแดนธรรมชาติมหัศจรรย์ อันมีทุ่งหญ้าป่าเขียวและดอกไม้งามชูช่อเปล่งสีสันอวดโฉมงดงามเริงร่าในช่วงเวลาปลายฤดูฝนต้นฤดูหนาว…อย่างช่วงเวลานี้ผมเริ่มต้นการเดินทางแบบสมบุกสมบันจากหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ สล.12 บ้านรักไทย ในเขต อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก ซึ่งเป็นส่วนงานย่อยของอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง สัมภาระจำเป็นและเสบียงอาหารถูกตระเตรียมให้พร้อมจากที่นี่ จากนั้นต้องใช้รถกระบะขับเข้าไปในเส้นทางทุรกันดารระยะทางประมาณ 8 กม. ผ่านไร่มันสำปะหลัง สวนยาง ของชาวบ้าน หากเป็นช่วงฤดูฝนการเดินทางสัญจรในเส้นทางนี้จะเป็นไปด้วยความยากลำบาก จนถึงบ้านฐานแตกซึ่งในอดีตบริเวณนี้เคยเป็นฐานที่ตั้งของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.)

ปัจจุบันมีสภาพเป็นเพียงเนินเขาที่ไม่มีร่องรอยอดีตแห่งความขัดแย้งหลงเหลือให้เห็นอยู่เลยจากบ้านฐานแตกคือจุดเริ่มต้นการเดินเท้า เจ้าหน้าที่อุทยานฯ ให้ข้อมูลว่า เราต้องเดินเท้าระยะทาง 7.5 กม. เส้นทางในช่วงแรกมีลักษณะขึ้นลงเนินเขาสลับกันไป เป็นเส้นทางเดินป่าศึกษาธรรมชาติ ต่อด้วยช่วงกลางและช่วงสุดท้ายจะเป็นลักษณะการเดินขึ้นเนินมีความลาดชัน โดยมีจุดพักเป็นระยะๆ รวมแล้วใช้เวลาเดินเท้าประมาณ 4-5 ชั่วโมง ถือว่าเป็นเส้นทางสู่ทุ่งโนนสนที่สะดวกและรวดเร็วที่สุด หากใช้เส้นทางจากหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ สล.8 หนองแม่นา จะต้องเดินทางไกลถึง 31 กิโลเมตร โดยใช้รถยนต์กระบะเข้าไปส่งได้เพียงครึ่งทางเท่านั้น และจากนั้นก็ต้องใช้วิธีเดินเท้าสู่ทุ่งโนนสนเช่นเดียวกัน การเดินทางจากหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ สล.12 บ้านรักไทย จึงมีความสะดวกรวดเร็วกว่า ที่ผ่านมาเส้นทางสายนี้เริ่มมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาบ้างแล้ว แต่ก็ถือว่ายังไม่มากนัก จึงทำให้ธรรมชาติของทุ่งโนนสนยังมีความสมบูรณ์อยู่มากระหว่างการเดินทางผมฟังเจ้าหน้าที่เล่าถึงความสวยงามของท้องทุ่งหญ้าแบบสะวันนา ที่มีดอกไม้ป่าขึ้นเสียบแซมอวดสีสันพริ้วไสวตามสายลม ป่าสนสองใบ และสนสามใบ ที่กิ่งก้านหงิกงอเป็นศิลปะมีชีวิตจริงจากธรรมชาติบนเขาสูง บางช่วงเวลาที่พักเหนื่อยเรื่องราวตื่นเต้นของการพบสัตว์ใหญ่อย่างเช่น ช้าง ที่วิ่งผ่านกลางแค้มป์ไปอย่างหน้าตาเฉย ก็ทำให้ผมและคนอื่นๆ รู้สึกฮึกเหิมมีกำลังใจที่อยากจะเดินต่อเพื่อไปให้ถึงจุดหมาย เส้นทางเดินป่าสายนี้แม้จะร้างราผู้ผ่านทางมาเนิ่นนาน แต่ว่ารอยทางยังคงมีให้เห็นเป็นไปสู่จุดหมาย หลายครั้งที่หอบกระหาย น้ำดื่มเพียงน้อยนิดถูกจิบราวกับเครื่องดื่มมีค่าราคาแพง “นี่กระมัง ประโยชน์ของการเดินป่า ทำให้เราคุณค่าของสิ่งต่างๆ ใกล้ตัว” ผมคิดเสียงดังอยู่ในใจเวลาแห่งความเหนื่อยล้าผ่านไป 4 ชั่วโมง ผมเดินออกมาจากราวป่า ภาพแรกที่ได้เห็นคือต้นสนสูงใหญ่เรียงรายเต็มท้องทุ่งยอดของมันตัดกับท้องฟ้าใสที่มีเมฆขาวลอยคละคลุ้ง เบื้องล่างคือทุ่งหญ้าเริ่มกลายเป็นสีทองอร่าม อาการเหนื่อยหอบจางหายไปพร้อมๆ กับเม็ดเหงื่อเมื่อยามสัมผัสกับสายลมเย็น จุดตั้งแค้มป์ที่พักอยู่ทางด้านทิศเหนือของทุ่งโนนสน ดูเป็นทำเลที่เหมาะสมที่สุด แม้จะไม่มีห้องน้ำอำนวยความสะดวกแต่ทางเจ้าที่ได้จัดทำแบบชั่วคราวไว้ให้พอประทัง สถานที่แห่งนี้คงไม่เหมาะกับผู้ที่ต้องการความสะดวกสบาย แต่สำหรับผู้มีใจรักในธรรมชาติแล้วที่นี่คงเป็นที่มหัศจรรย์สองข้างทางเดินมีมวลหมู่พฤกษาทะยานช่อดอกอวดสีสดใส ดุจกำลังรอคอยต้อนรับนักเดินทางต่างถิ่น ดุสิตา เอื้องม้าวิ่ง กระดุมเงิน กระดุมทอง มีให้เห็นอยู่ดารดาษ เอื้องนวลจันทร์ หรือ เหลืองพิศมร สีเหลืองสด มีขึ้นอยู่มากมายบนลานหิน และหากสังเกตที่พื้นดินก็จะเห็นดอกหยาดน้ำค้างที่กำลังเบ่งบาน ซึ่งผมได้ใช้เวลาถ่ายภาพดอกหยาดน้ำค้างอย่างเพลิดเพลินอยู่เป็นเวลานาน
ดอกเอนอ้ากลีบสีม่วงเกสรเหลืองอาจจะหาได้ไม่ยากในผืนป่าทั่วไปที่นี่มีให้เห็นอยู่มากมาย บางคนเชื่อว่าสามารถนำไปทำเป็นยารักษาโรคที่เกี่ยวกับเอ็นได้อย่างดี เรื่องนี้จริงเท็จอย่างไรผมไม่ทราบแน่ชัด คงต้องสอบถามผู้รู้ที่เคยลองจะดีกว่า นอกจากนี้แล้วยังมีพรรณไม้อีกหลายชนิดให้ชื่นชมความงดงาม เวลา 1-2 วันที่ได้อยู่บนทุ่งโนนสนคงดูเหมือนผ่านไปไวกว่าที่อื่นๆณ ที่แห่งนี้แม้ไม่มีแหล่งน้ำขนาดใหญ่ แต่ก็ยังพอมีลำห้วยไหลรินน้ำใสที่ผุดขึ้นมาผิวดิน หล่อรวมเป็นทางน้ำผ่านลานหินตกสู่เบื้องล่างเป็นธารน้ำตกสายเล็ก ให้ได้ใช้ประโยชน์ดื่มกินและนำมาประกอบอาหารพ้นผ่านความหิวไปได้บ้าง สำหรับวันนี้ซึ่งถือเป็นวันแรกที่ได้เดินทางมาถึงทุ่งโนนสน แค้มป์ที่พักถูกจัดตั้งภายในเวลาอันรวดเร็ว เราเริ่มช่วยกันประกอบอาหารให้เสร็จก่อนแสงแห่งวันจะลับหายไป เรายังมีเวลาอีก 2 วัน ที่จะเก็บเกี่ยวภาพความประทับใจรอบตัวบนทุ่งโนนสน แต่ว่าเวลานี้สายลมเย็นต้นฤดูหนาวพัดเข้ามาให้รู้สึกสะท้านหวั่นเกรง คงอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า ต้นหญ้า ดอกไม้ และหมู่ดาว จะได้เริ่มบรรเลงบทเพลงธรรมชาติให้นักเดินทางต่างถิ่นได้ฟังตลอดคืน

ซึ่งมีความน่าสนใจแต่ทว่าน้อยคนนักจะได้มีโอกาสเดินทางไปสัมผัส เพราะว่าสถานที่แห่งนี้ยากต่อการเดินทางเข้าไปถึง ปัจจุบันยังคงต้องใช้วิธีเดินเท้าเข้าไปเพียงวิธีเดียวจึงจะได้พบกับดินแดนธรรมชาติมหัศจรรย์ อันมีทุ่งหญ้าป่าเขียวและดอกไม้งามชูช่อเปล่งสีสันอวดโฉมงดงามเริงร่าในช่วงเวลาปลายฤดูฝนต้นฤดูหนาว…อย่างช่วงเวลานี้ผมเริ่มต้นการเดินทางแบบสมบุกสมบันจากหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ สล.12 บ้านรักไทย ในเขต อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก ซึ่งเป็นส่วนงานย่อยของอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง สัมภาระจำเป็นและเสบียงอาหารถูกตระเตรียมให้พร้อมจากที่นี่ จากนั้นต้องใช้รถกระบะขับเข้าไปในเส้นทางทุรกันดารระยะทางประมาณ 8 กม. ผ่านไร่มันสำปะหลัง สวนยาง ของชาวบ้าน หากเป็นช่วงฤดูฝนการเดินทางสัญจรในเส้นทางนี้จะเป็นไปด้วยความยากลำบาก จนถึงบ้านฐานแตกซึ่งในอดีตบริเวณนี้เคยเป็นฐานที่ตั้งของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.)

ปัจจุบันมีสภาพเป็นเพียงเนินเขาที่ไม่มีร่องรอยอดีตแห่งความขัดแย้งหลงเหลือให้เห็นอยู่เลยจากบ้านฐานแตกคือจุดเริ่มต้นการเดินเท้า เจ้าหน้าที่อุทยานฯ ให้ข้อมูลว่า เราต้องเดินเท้าระยะทาง 7.5 กม. เส้นทางในช่วงแรกมีลักษณะขึ้นลงเนินเขาสลับกันไป เป็นเส้นทางเดินป่าศึกษาธรรมชาติ ต่อด้วยช่วงกลางและช่วงสุดท้ายจะเป็นลักษณะการเดินขึ้นเนินมีความลาดชัน โดยมีจุดพักเป็นระยะๆ รวมแล้วใช้เวลาเดินเท้าประมาณ 4-5 ชั่วโมง ถือว่าเป็นเส้นทางสู่ทุ่งโนนสนที่สะดวกและรวดเร็วที่สุด หากใช้เส้นทางจากหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ สล.8 หนองแม่นา จะต้องเดินทางไกลถึง 31 กิโลเมตร โดยใช้รถยนต์กระบะเข้าไปส่งได้เพียงครึ่งทางเท่านั้น และจากนั้นก็ต้องใช้วิธีเดินเท้าสู่ทุ่งโนนสนเช่นเดียวกัน การเดินทางจากหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ สล.12 บ้านรักไทย จึงมีความสะดวกรวดเร็วกว่า ที่ผ่านมาเส้นทางสายนี้เริ่มมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาบ้างแล้ว แต่ก็ถือว่ายังไม่มากนัก จึงทำให้ธรรมชาติของทุ่งโนนสนยังมีความสมบูรณ์อยู่มากระหว่างการเดินทางผมฟังเจ้าหน้าที่เล่าถึงความสวยงามของท้องทุ่งหญ้าแบบสะวันนา ที่มีดอกไม้ป่าขึ้นเสียบแซมอวดสีสันพริ้วไสวตามสายลม ป่าสนสองใบ และสนสามใบ ที่กิ่งก้านหงิกงอเป็นศิลปะมีชีวิตจริงจากธรรมชาติบนเขาสูง บางช่วงเวลาที่พักเหนื่อยเรื่องราวตื่นเต้นของการพบสัตว์ใหญ่อย่างเช่น ช้าง ที่วิ่งผ่านกลางแค้มป์ไปอย่างหน้าตาเฉย ก็ทำให้ผมและคนอื่นๆ รู้สึกฮึกเหิมมีกำลังใจที่อยากจะเดินต่อเพื่อไปให้ถึงจุดหมาย เส้นทางเดินป่าสายนี้แม้จะร้างราผู้ผ่านทางมาเนิ่นนาน แต่ว่ารอยทางยังคงมีให้เห็นเป็นไปสู่จุดหมาย หลายครั้งที่หอบกระหาย น้ำดื่มเพียงน้อยนิดถูกจิบราวกับเครื่องดื่มมีค่าราคาแพง “นี่กระมัง ประโยชน์ของการเดินป่า ทำให้เราคุณค่าของสิ่งต่างๆ ใกล้ตัว” ผมคิดเสียงดังอยู่ในใจเวลาแห่งความเหนื่อยล้าผ่านไป 4 ชั่วโมง ผมเดินออกมาจากราวป่า ภาพแรกที่ได้เห็นคือต้นสนสูงใหญ่เรียงรายเต็มท้องทุ่งยอดของมันตัดกับท้องฟ้าใสที่มีเมฆขาวลอยคละคลุ้ง เบื้องล่างคือทุ่งหญ้าเริ่มกลายเป็นสีทองอร่าม อาการเหนื่อยหอบจางหายไปพร้อมๆ กับเม็ดเหงื่อเมื่อยามสัมผัสกับสายลมเย็น จุดตั้งแค้มป์ที่พักอยู่ทางด้านทิศเหนือของทุ่งโนนสน ดูเป็นทำเลที่เหมาะสมที่สุด แม้จะไม่มีห้องน้ำอำนวยความสะดวกแต่ทางเจ้าที่ได้จัดทำแบบชั่วคราวไว้ให้พอประทัง สถานที่แห่งนี้คงไม่เหมาะกับผู้ที่ต้องการความสะดวกสบาย แต่สำหรับผู้มีใจรักในธรรมชาติแล้วที่นี่คงเป็นที่มหัศจรรย์สองข้างทางเดินมีมวลหมู่พฤกษาทะยานช่อดอกอวดสีสดใส ดุจกำลังรอคอยต้อนรับนักเดินทางต่างถิ่น ดุสิตา เอื้องม้าวิ่ง กระดุมเงิน กระดุมทอง มีให้เห็นอยู่ดารดาษ เอื้องนวลจันทร์ หรือ เหลืองพิศมร สีเหลืองสด มีขึ้นอยู่มากมายบนลานหิน และหากสังเกตที่พื้นดินก็จะเห็นดอกหยาดน้ำค้างที่กำลังเบ่งบาน ซึ่งผมได้ใช้เวลาถ่ายภาพดอกหยาดน้ำค้างอย่างเพลิดเพลินอยู่เป็นเวลานาน

ดอกเอนอ้ากลีบสีม่วงเกสรเหลืองอาจจะหาได้ไม่ยากในผืนป่าทั่วไปที่นี่มีให้เห็นอยู่มากมาย บางคนเชื่อว่าสามารถนำไปทำเป็นยารักษาโรคที่เกี่ยวกับเอ็นได้อย่างดี เรื่องนี้จริงเท็จอย่างไรผมไม่ทราบแน่ชัด คงต้องสอบถามผู้รู้ที่เคยลองจะดีกว่า นอกจากนี้แล้วยังมีพรรณไม้อีกหลายชนิดให้ชื่นชมความงดงาม เวลา 1-2 วันที่ได้อยู่บนทุ่งโนนสนคงดูเหมือนผ่านไปไวกว่าที่อื่นๆณ ที่แห่งนี้แม้ไม่มีแหล่งน้ำขนาดใหญ่ แต่ก็ยังพอมีลำห้วยไหลรินน้ำใสที่ผุดขึ้นมาผิวดิน หล่อรวมเป็นทางน้ำผ่านลานหินตกสู่เบื้องล่างเป็นธารน้ำตกสายเล็ก ให้ได้ใช้ประโยชน์ดื่มกินและนำมาประกอบอาหารพ้นผ่านความหิวไปได้บ้าง สำหรับวันนี้ซึ่งถือเป็นวันแรกที่ได้เดินทางมาถึงทุ่งโนนสน แค้มป์ที่พักถูกจัดตั้งภายในเวลาอันรวดเร็ว เราเริ่มช่วยกันประกอบอาหารให้เสร็จก่อนแสงแห่งวันจะลับหายไป เรายังมีเวลาอีก 2 วัน ที่จะเก็บเกี่ยวภาพความประทับใจรอบตัวบนทุ่งโนนสน แต่ว่าเวลานี้สายลมเย็นต้นฤดูหนาวพัดเข้ามาให้รู้สึกสะท้านหวั่นเกรง คงอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า ต้นหญ้า ดอกไม้ และหมู่ดาว จะได้เริ่มบรรเลงบทเพลงธรรมชาติให้นักเดินทางต่างถิ่นได้ฟังตลอดคืน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น