บั้งไฟพญานาค
เรื่องราวของสัตว์ในตำนานเกี่ยวกับพญางูใหญ่ มีหงอนที่บริเวณส่วนหัว หรือ ที่เรียกกันทั่วไปว่า พญานาค นั้นยังคงเป็นปริศนาที่ยังไม่มีใครกล้าพิสูจน์ พญานาคเป็นความเชื่อของคนในภูมิภาคเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็น สัญลักษณ์แห่งความยิ่งใหญ่ ความอุดมสมบูรณ์ ความมีวาสนา อีกทั้งยังเป็นสัญลักษณ์ของบันไดสู่จักรวาล…บั้งไฟพญานาคเกิดขึ้นได้อย่างไร?
บั้งไฟพญานาคเกิดขึ้นได้อย่างไร?
บั้งไฟพญานาคยังไม่สามารถระบุสาเหตุได้แน่ชัด
แต่มีคำอธิบายสามแนวทาง คือ เป็นปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติตามตำนาน
เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ และเป็นการกระทำของมนุษย์
บริเวณที่เกิดบั้งไฟพญานาค
ตำแหน่งที่บั้งไฟพญานาคมักจะปรากฏให้เห็นว่า
ทั่วทั้งจังหวัดหนองคาย มีอยู่ทั้งหมดประมาณ 20 จุด โดยในจังหวัดหนองคายเกิดขึ้นหลายจุด
แต่จุดที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี มีผู้พบเห็นบ่อยครั้งเริ่มจากที่อำเภอสังคม
บริเวณ “อ่างปลาบึก” บ้านผาตั้ง
บริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอสังคม ต่อมาที่บริเวณ “วัดหินหมากเป้ง” อำเภอศรีเชียงใหม่
ถัดจากนั้นก็จะพบในเขตอำเภอเมืองบ้านหินโงม
ตำบลหินโงม อำเภอเมืองหนองคาย หน้าสถานีตำรวจภูธรตำบลบ้านเดื่อ ตำบลบ้านเดื่อ
อำเภอเมืองหนองคาย พอเข้าสู่เขต อำเภอโพนพิสัยก็จะพบแทบจะตลอดลำน้ำโขง
ตั้งแต่ปากห้วยหลวง ตำบลห้วยหลวง ในเขตเทศบาลตำบลจุมพล หน้าวัดไทย วัดจุมพล
วัดจอมนาง หนองสรวง เวินพระสุก ท่าทรายรวมโชค ตำบลกุดบง บ้านหนองกุ้ง
ซึ่งที่อำเภอโพนพิสัยจะพบมากที่สุด แล้วมาพบอีกที่อำเภอรัตนวาปี บริเวณ ปากห้วยเป
บ้านน้ำเป วัดเปงจาเหนือ บ้านหนองแก้ว ในเขตอำเภอปากคาด จังหวัดบึงกาฬ
บ้านปากคาดมวลชล ห้วยคาด และที่อำเภอเมืองบึงกาฬ บริเวณวัดอาฮง ตำบลหอคำ
ซึ่งเป็นจุดที่ชาวหนองคายเชื่อกันว่าเป็นสะดือแม่น้ำโขง
เป็นเมืองหลวงของเมืองบาดาล ก็ปรากฏบั้งไฟพญานาคให้เห็นเช่นกัน
สำหรับจังหวัดอุบลราชธานี
มีชาวบ้านพบเห็นในอำเภอโขงเจียม กำหนดจุดชมไว้ 3 แห่ง คือ บ้านกุ่ม บ้านท่าล้ง
และบ้านตามุย
ระยะเวลาในการขึ้นของบั้งไฟพญานาคนั้นจะขึ้น
ระหว่างตะวันตกดินถึงประมาณ 23.00 น. ก็จะหมดไป

ตำนานและความเชื่อเรื่องบั้งไฟพญานาค
เรื่องของพญานาคในทางพุทธศาสนา
ได้กล่าวไว้ว่า เดิมทีพญานาคที่อาศัยอยู่ในเมืองบาดาลนั้นมีนิสัยดุร้าย
แต่พอพระพุทธเจ้าเสด็จมาโปรดสัตว์ก็เกิดความเลื่อมใสในพุทธศาสนา เลิกนิสัยดุร้าย
และคิดจะหันมาออกบวช แต่ก็ติดที่เป็นสัตว์ไม่สามารถบวชได้ เนื่องจากเป็นสัตว์
พญานาคจึงปวารณาตนเป็นพุทธมามกะ
เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จขึ้นไปโปรดพระมารดาที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์
จนครบ 1 พรรษา (3 เดือน) และเสด็จกลับโลกมนุษย์ในวันขึ้น15 ค่ำ เดือน 11
ด้วยบันไดแก้ว บันไดเงินและบันไดทอง ที่เหล่าเทวดาทำถวาย
ส่วนมนุษย์โลกก็จะทำบุญตักบาตร นำดอกไม้ธูปเทียนไปกราบไหว้บูชา
ความนี้เมื่อรู้ถึงพญานาคที่อยู่เมืองบาดาล จึงได้จัดทำ “บั้งไฟพญานาค”
และจุดเฉลิมฉลองเช่นกัน
และได้กลายมาเป็นประเพณีมาจนทุกวันนี้ แต่ไม่มีในพุทธประวัติ
ปรากฏการณ์ลูกไฟในต่างประเทศ
นอกจากประเทศไทยแล้ว
ที่อื่น ๆ ในโลกก็มีรายงานการพบปรากฏการณ์ลักษณะเดียวกันนี้เช่นกัน เช่นที่
รัฐมิสซูรี และ รัฐเทกซัส ของสหรัฐอเมริกา โดยเรียกกันว่า แสงมาร์ฟา (Marfa lights) นอกจากนี้ยังพบที่เมืองเจดด้าห์ ประเทศซาอุดิอาระเบีย
ริมฝั่งทะเลแดง[ต้องการอ้างอิง] ในออสเตรเลีย อังกฤษ นอร์เวย์ และในยุโรป
บางแห่งมีสีฟ้า สีส้ม สีแดงเข้ม สีขาว สีขาวปนเหลือง สีเหลืองทอง สีรุ้ง
ขนาดตั้งแต่เท่าลูกปิงปองถึงลูกบาสเกตบอล มีรูปร่างทรงกลม ทรงรี
รีคล้ายลูกอ๊อดหัวขึ้น รูปทรงคล้ายเพชร รูปทรงกระบอก ทรงเหลี่ยม และรูปทรงแปลก ๆ
การเคลื่อนที่แตกต่างกันไปทั้งอยู่นิ่ง ลอยขึ้นในแนวดิ่งหรือเคลื่อนที่ในแนวราบ
บางที่มีให้เห็นนานเกือบ 12 นาที ในบางทีอาจได้ยินเสียงฟู่ หากพบในระยะใกล้
และบ่อยครั้งที่พบตามแหล่งน้ำ
ข้อมูลทั้งภาพและข้อมูลเชิงวิทยาศาสตร์เหล่านี้ยังมีค่อนข้างน้อย
มีชื่อเรียกแตกต่างกันไป
ในปี พ.ศ. 2558 นี้
ชาวจังหวัดหนองคาย ในแถบอำเภอโพนพิสัย
คาดว่าจะเกิดปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาคที่กลางแม่น้ำโขง ในค่ำคืนของวันออกพรรษา
คือวันที่ 27 ตุลาคม 2558 เหมือนดังเช่นปีที่ผ่านๆ มา หากท่านประสงค์เดินทางไปเที่ยวชมความมหัศจรรย์ของแม่น้ำโขง
บริเวณจังหวัดหนองคาย และ จังหวัดบึงกาฬ
ควรรีบจองที่พักเสียตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น